ม.นครพนม หารือหน่วยงานท้องถิ่นเตรียมกำจัดจอกหูหนูยักษ์บึงโขงหลง เร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยว จ.บึงกาฬ
นายพัฒนะ พิมพ์แน่น 2025-03-12 21:03:52 139
วันที่ 10 มีนาคม 2568 เวลา 13.00 น. ศาสตราจารย์ ดร.ธวัชชัย ศุภดิษฐ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยนครพนม ประชุมหารือความร่วมมือการกำจัดวัชพืช (จอกหูหนูยักษ์) ในพื้นที่บึงโขงหลง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ โดยมี นายทวี ชิณรงค์ นายอำเภอบึงโขงหลง นายวิทยา ภารจรัส นายกเทศมนตรีตำบลบึงโขงหลง พร้อมด้วย นายนพดล บัวโรย ผู้แทนเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง นายสุวิเชียร ผ่องนัยเลิศ บริษัท จินเจียง กรุ๊ป จำกัด ผู้แทนชุมชน และ บริษัทเอกชน ร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 2 เทศบาลตำบลบึงโขงหลง ต.บึงโขงหลง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ
ซึ่งที่ประชุมได้พูดคุยถึงแนวทางการวางแผนและข้อกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเบื้องต้นหน่วยงานในท้องที่จะประสานความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในระเบียบราชการ รวมถึงข้อกฎหมายต่าง ๆ โดยย้ำว่าจะให้ความร่วมมือเป็นตัวเชื่อมประสานการดำเนินงาน เพราะจอกหูหนูยักษ์เป็นวิกฤติที่สร้างปัญหาและผลกระทบให้กับทุกภาคส่วนในพื้นที่ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวและการประมง
ด้าน เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง เปิดเผยว่า ทางเขตฯ พร้อมสนับสนุนความร่วมมือในการจัดการกับจอกหูหนูยักษ์ ซึ่งขณะนี้กินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ทำให้สัตว์น้ำลดจำนวนลงเนื่องจากขาดอากาศหายใจ โดยวันที่ 13 มีนาคม นี้ จะเป็นการประชุมกับหน่วยงานในเรื่องงบประมาณที่อาจจะนำมาช่วยสนับสนุนการดำเนินงานในครั้งนี้ได้ ซึ่งหลังการประชุมเสร็จถึงจะได้คำตอบที่ชัดเจน
นายสุวิเชียร ผ่องนัยเลิศ บริษัท จินเจียง กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า หากได้ข้อสรุปที่ชัดเจนจากหน่วยงานในพื้นที่ ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกัน ระหว่าง มหาวิทยาลัยนครพนม ในการสนับสนุนองค์ความรู้ทางวิชาการ, บริษัท จินเจียง กรุ๊ป จำกัด, อำเภอบึงโขงหลง, เทศบาลตำบลบึงโขงหลง และ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง จากนั้นจะเดินหน้าวางแผนนำเครื่องจักรทำการตักจอกหูหนูขึ้นจากน้ำ เพื่อส่งไปยังโรงงานเข้าสู่กระบวนการแปรรูปผลิตถ่านชีวภาพ (Biochar) ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการนำไปทดลองผลิตแล้ว
โดยกรอบความร่วมมือการดำเนินงาน มีระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่วันที่ลงนามบันทึกความเข้าใจ ทั้งนี้ หากการดำเนินงานสำเร็จ จะลดปริมาณการแพร่ระบาดจอกหูหนูยักษ์ในพื้นที่บริเวณบึงโขงหลง ปรับสมดุลของระบบนิเวศน้ำ รวมถึงทัศนียภาพด้านสถานที่ท่องเที่ยวให้มีความสวยงาม และช่วยลดการขีดขวางการสัญจรเรือท่องเที่ยว ตลอดจนการอนุรักษ์วิถีประมงพื้นบ้านให้คงอยู่ต่อไป
ภาพ/ข่าว : พัฒนะ พิมพ์แน่น
อัลบั้มภาพข่าว : https://www.facebook.com/share/p/165Biv8yKc/