วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ทีมข่าว NPU NEWS ลงพื้นที่เก็บภาพบรรยากาศการเตรียมงานเกษตรลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 25 ที่มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 4 มีนาคม 2567 นอกจากการเตรียมพื้นที่จุดเช็กอินของแปลงนาสาธิตด้วยการปลูกข้าวแปรอักษร “@AGRI NPU” และประดับตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับบนเนื้อที่ 2 งาน ให้ผู้คนหรือนักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายรูปเช็กอินภายในงานแล้ว

#งานเกษตรทั้งทีก็ต้องมีสินค้าทางการเกษตร ซึ่งปีนี้คณะเกษตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนครพนม ได้ปลูกเมล่อนแบบโรงเรือนปิดหวังว่าจะให้ผลผลิตและเก็บเกี่ยวในช่วงงานเกษตรลุ่มน้ำโขงปีนี้ คุณณรากร สาริบุตร ผู้ดูแลสวนโรงเรือนเมล่อน บอกว่า ทางคณะเกษตรและเทคโนโลยี เราได้ปรึกษาพูดคุยกันถึงการเพาะปลูกสินค้าทางการเกษตรเพื่อให้ทันออกจำหน่ายในช่วงงานเกษตรแต่ละปี และต้องเป็นสินค้าที่คนในพื้นที่นิยมกันด้วย โดยปีที่ผ่านมาเราก็ปลูกเมล่อนทดลองตลาดดูก็ปรากฏว่าเสียงตอบรับดีมากสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ ปีนี้จึงได้ปลูกและดูแลแบบจริงจัง โดยใช้โรงเรือนปิดเป็นพื้นที่เพาะปลูก ซึ่งได้เริ่มวางแผนเพาะปลูกมาตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2566 โดยสายพันธุ์ที่เพาะปลูกมี 3 สายพันธุ์ เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าได้ลิ้มลองรสชาติของแต่ละสายพันธุ์ เช่น กนกกาญจน์ (เนื้อสีส้ม) แค็ท 697 (เนื้อสีส้ม) และปริ้นเซส (เนื้อสีเขียว) เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ และให้ผลผลิตที่มีคุณภาพโดยเฉพาะขนาดและความหวาน ส่วนระยะเวลาการให้ผลผลิตมีความแตกต่างกันออกไปตามแต่ละสายพันธุ์ คือ 64 วัน 75 วัน และ 80 วัน แต่ยังถือว่าอยู่ในห้วงเวลาที่เรากำหนด 

“เมล่อนเป็นพืชที่ให้ผลผลิตได้ดีในช่วงอากาศร้อน ตลาดเมล่อนในภาคอีสานถือว่ายังไปได้ดี การปลูกเมล่อนถือเป็นเกษตรประณีต ขั้นตอน การดูแล การปฏิบัติ มันค่อนข้างละเอียดอ่อน จึงไม่แปลกที่ราคาจะค่อนข้างสูงตามไปด้วย ปีนี้เราเพาะปลูก 3 สายพันธุ์ เพราะเป็นสายพันธุ์ที่มีอยู่ในตลาดทั่วไป สามารถซื้อเมล็ดพันธุ์ได้ง่าย ถ้าเป็นสายพันธุ์อื่นหรือสายพันธุ์ที่หาซื้อเมล็ดยากมันก็จะไม่สะดวกสำหรับเรา การที่เราเลือกปลูกในโรงเรือนปิด คือ จะได้ผลผลิตเต็มประสิทธิภาพกว่าการปลูกในกลางแจ้ง เพราะเราไม่สามารถควบคุมศัตรูพืชอย่างแมลงต่าง ๆ ได้ รวมถึงการควบคุมแร่ธาตุอาหารที่จะส่งผลในเรื่องของรสชาติ”

คุณณรากร ยังบอกอีกว่า การปลูกในโรงเรือนปิดเป็นการดูแลที่ได้ประสิทธิภาพค่อนข้างสูง ซึ่งผลผลิตจะให้น้ำหนักอยู่ที่ 1.5-1.8 กิโลกรัมต่อ 1 ลูก ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ที่เรานำมาเพาะปลูก แต่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทั่วไป ส่วนเรื่องรสชาติระดับความหวานจะอยู่ที่ประมาณ 13-15 องศาบริกซ์ ซึ่งเป็นระดับความหวานที่เหมาะสมของคนในพื้นที่ โดยจะเริ่มเก็บผลผลิตล็อตแรก คือ วันที่ 2 มีนาคม 2567 นี้”

ผู้ที่สนใจ สามารถสั่งจองออเดอร์เมล่อนคุณภาพจากคณะเกษตรและเทคโนโลยี “พรีเมี่ยมบ็อกซ์เซ็ต” ในราคา 499 บาท ซึ่งจะประกอบด้วย เมล่อนสายพันธุ์แค็ท 697 (เนื้อสีส้ม) จำนวน 2 ลูก (น้ำหนักลูกละ 1.5 กก.) และแถมฟรีแก้วน้ำเยติ AGRI จำนวนอีก 1 ใบ โดยสามารถสั่งจองผ่าน : https://shorturl.at/ayD59 หรือ 081-047-3890 (คุณณรากร สาริบุตร)

ภาพ/ข่าว : พัฒนะ พิมพ์แน่น